ขึ้นชื่อว่าโรคร้ายใคร ๆก็หวาดกลัวครับ ยิ่งหากโรคร้ายนั้นมีอัตราการคร่าชีวิตของผู้คนมากเพียงใด ผู้คนก็ยิ่งหวาดวิตกกับโรคนั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก หลายคนจึงพยายามที่จะดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีที่สุดเพื่อป้องกันไม่ให้ตนเองต้องเป็นโรคร้ายที่น่ากลัวเหล่านี้ เพราะการเป็นโรคร้ายที่รักษายากไม่ได้หมายถึงแต่อัตราเสี่ยงที่จะเสียชีวิตที่มากขึ้นหากแต่ยังรวมไปถึงค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลที่สูงขึ้นเป็นเงาตามตัวครับ และแม้ว่าจะหมดเงินทองมากมายเพียงใดแต่หลาย ๆคนก็ไม่สามารถยื้อชีวิตของคนที่รักเอาไว้ได้ ดังนั้นการป้องกันที่ดีที่สุดในการจัดการกับโรคร้ายเหล่านี้ก็คือ “การทำความรู้จักกับมันและป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับตนเอง” ครับ สำหรับโรคร้ายที่บทความนี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นมัจจุราชอันดับ 1 ที่คร่าชีวิตคนไทยมากที่สุดในแต่ละปีครับ โรคร้ายที่ว่านี้ก็คือ “โรคมะเร็ง”นั่นเอง
มะเร็งมาจากไหน ทำไมโรคนี้จึงร้ายกาจและน่ากลัวเสียยิ่งกว่าเสือ
หลายคนกล่าวว่า มะเร็งร้ายกว่าเสือ คำพูดนี้แทบจะไม่เกินจริงไปสักเท่าใดครับ เพราะกว่าที่เสือจะเข้ามาทำร้ายเราได้ เรายังมีโอกาสเห็นตัวมันก่อน แต่กลับมะเร็งนั้นหลาย ๆคนไม่มีสัญญาณเตือนเลยแม้แต่น้อยว่าตัวเองมีเนื้อร้ายนี้อยู่ในตัว และกว่าที่จะรู้ตัวหรือแสดงอาการออกมา มะเร็งก็ลุกลามไปจนเกินกว่าจะแก้ไขได้ทันเสียแล้ว
โรคมะเร็งคือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับเซลล์ในอวัยวะต่าง ๆของร่างกายครับ โดยเซลล์ที่จะพัฒนาไปเป็นเซลล์มะเร็งจะมีการเจริญเติบโตที่ผิดปกติเกิดขึ้นเป็นก้อนเนื้อและลุกลามแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียง นอกจากนี้เซลล์มะเร็งยังสามารถแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆของร่างกายได้ผ่านทางระบบเลือดและระบบทางเดินน้ำเหลืองครับ โรคมะเร็งมีอยู่หลายชนิดซึ่งขึ้นอยู่กับตำแหน่งที่เป็นจุดกำเนิดของโรคและชนิดของเซลล์มะเร็ง โดยมีการแบ่งจุดกำเนิดของเซลล์มะเร็งได้เป็นกลุ่ม ๆดังนี้
– มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากผิวหนังและเนื้อเยื่อบุอวัยวะ
– มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากกระดูก กระดูกอ่อน ไขมัน กล้ามเนื้อและเส้นเลือด
– มะเร็งที่มีจุดกำเนิดมาจากเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดในไขกระดูก
– มะเร็งที่มี่จุดกำเนิดมาจากเซลล์ของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และ
– มะเร็งของระบบสมองและไขสันหลัง
มะเร็งเกิดจากสาเหตุอะไร
แม้จะมีการศึกษาเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็งมาอย่างยาวนาน แต่กระนั้นหากจะบอกว่าความเสี่ยงที่จะมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งเกิดจากสาเหตุใดที่แน่นอนกลับไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนครับ โดยทางการแพทย์เชื่อว่ามีปัจจัยเสี่ยงหลายปัจจัยที่มีโอกาสพัฒนาให้เซลล์กลายเป็นมะเร็งได้ สาเหตุปัจจัยที่ว่ามีดังนี้
– อายุ โดยคนที่มีอายุมากขึ้นก็จะมีโอกาสที่จะเป็นมะเร็งมากกว่าคนที่อายุยังน้อย
– บุหรี่ โดยเฉพาะสารพิษต่าง ๆที่อยู่ในควันบุหรี่จะสามารถกระตุ้นให้เกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆได้เช่นมะเร็งปอด มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหารเป็นต้น
– แสงแดดและรังสี UV มีรายงานทางการแพทย์ระบุว่ารังสี UV ที่อยู่ในแสงแดดสัมพันธ์กับการเกิดมะเร็งในผิวหนัง
– รังสีตามธรรมชาติ หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปก็มีโอกาสที่จะไปกระตุ้นให้เซลล์เติบโตกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้
– สารเคมี การได้รับสารเคมีบางชนิดในปริมาณที่สูงก็มีโอกาสเช่นกันที่สารเคมีจะไปกระตุ้นให้ เซลล์มะเร็งเติบโตได้
– กรรมพันธุ์ ในครอบครัวที่มีคนในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งก็มีโอกาสที่จะมีสมาชิกคนอื่น ๆในบ้านที่จะเป็นมะเร็งได้เช่นกัน
– วิถีชีวิตบางอย่างเช่นผู้ที่ชอบกินอาหารที่มีไขมันสูง ผู้ที่มีภาวะอ้วน ผู้ที่ออกกำลังน้อยก็มีความ เสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งได้มากกว่าผู้ที่ไม่ได้มีวิถีชีวิตเช่นนี้
แต่อย่างไรก็ตามผู้ที่มีความเสี่ยงดังข้างต้นก็ไม่จำเป็นต้องเป็นโรคมะเร็งครับ และผู้ที่ไม่ได้มีความเสี่ยงก็อาจจะเป็นโรคมะเร็งได้เช่นกัน
มะเร็งรักษาได้อย่างไร
การรักษามะเร็งในปัจจุบันมีแนวทางในการรักษาอยู่ 2 แนวทางครับคือแนวทางการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันและการรักษาโดยวิธีทางธรรมชาติ ซึ่งแนวทางในการรักษาทั้ง 2 รูปแบบมีดังนี้
1.การรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน
โดยมีผู้ป่วยได้รับการวินิจฉัยอย่างชัดเจนแล้วว่าเป็นมะเร็ง ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันจะดำเนินการรักษาใน 3 แนวทางได้แก่
– การผ่าตัด: เพื่อเข้าไปจัดการกับเซลล์มะเร็งโดยตรง การผ่าตัดนี้มักจะใช้กับกรณีที่เซลล์มะเร็งนั้นเป็นก้อนและมีจุดกำเนิดที่แน่นอนเพื่อนำเซลล์ที่เป็นมะเร็งนั้นออกมา
– การฉายรังสี: เป็นการใช้สารกัมมันตรังสีเพื่อเข้าไปจัดการทำลายเซลล์มะเร็ง ซึ่งการใช้รังสีนี้มีอยู่ ด้วยกัน 2 รูปแบบครับคือการฉายรังสีจากภายนอกเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งและการฝังรังสีเข้าไป ในบริเวณที่ใกล้กับมะเร็งเพื่อทำลายหรือควบคุมการลุกลามของเซลล์มะเร็ง
– การใช้เคมีบำบัด: เป็นการใช้ยาที่ออกฤทธิ์ในการควบคุมการแพร่กระจายเซลล์มะเร็งและทำลายเซลล์มะเร็งที่มีการเจริญเติบโตนั้นอย่างรวดเร็วครับ
2. การรักษาในทางธรรมชาติบำบัด
การรักษาในแนวทางธรรมชาติบำบัดที่ใช้ต่อสู้กับโรคมะเร็งเป็นอีกหนึ่งแนวทางที่นิยมใช้ควบคู่กับการรักษาในทางการแพทย์แผนปัจจุบัน โดยแนวคิดในการรักษานี้คือการปรับสมดุลของร่างกายและจิตใจตั้งแต่การรับประทานอาหาร การใช้ชีวิตประจำวันในแต่ละวันร่วมไปกับการใช้สมุนไพรในการช่วยยับยั้งมะเร็งครับ โดยในทางธรรมชาติบำบัดเชื่อว่าเมื่อสมดุลของร่างกายถูกปรับเข้าสู่ภาวะสมดุล ไม่ว่าจะเป็นความสมดุลทางกายหรือทางใจก็จะทำให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่แข็งแรงพอที่จะต่อต้านกับโรคมะเร็งได้ นี่ก็คือแนวทางการรักษาโรคมะเร็งในแนวทางของธรรมชาติบำบัดที่ใช้ควบคู่กับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันครับ
วิธีป้องกันโรคมะเร็ง
การป้องกันโรคมะเร็งที่ดีที่สุดก็คือการหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้ตนเองเป็นโรคร้ายนี้ครับ ปัจจัยเสี่ยงที่ว่านี้ไม่ว่าจะเป็น
– การเลิกสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
– การควบคุมปริมาณอาหารให้เหมาะสมเช่นการทานอาหารที่มีไขมันสูง หรืออาหารประเภทเนื้อสัตว์มากเกินไป แต่ให้ปรับเปลี่ยนมาเน้นทานอาหารประเภทผักและผลไม้มากขึ้นในอัตราส่วนที่เหมาะสม
– ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง
– หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารเคมี หรือรังสีที่มีความเสี่ยงที่จะไปกระตุ้นให้เกิดเซลล์มะเร็ง
– ตรวจร่างกายประจำปีทุกปีเพื่อที่ว่าหากพบความผิดปกติจะได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
แม้โรคมะเร็งจะร้ายแรงเพียงใด แต่หากเราตรวจพบเสียแต่เนิ่น ๆโรคมะเร็งที่ว่าร้ายก็ยังมีหนทางในการรักษาครับ แต่สิ่งสำคัญอื่นใดในการพิชิตโรคมะเร็งก็คือการหมั่นดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองและกำจัดความเสี่ยงที่จะทำให้คุณมีโอกาสเป็นมะเร็งให้ได้ เพราะวิธีการรักษาโรคมะเร็งที่ได้ผลดีที่สุดก็คือการป้องกันไม่ให้ตนเองเป็นมะเร็งครับ
Add Comment