ในปัจจุบันอีกหนึ่งโรคร้ายที่คุกคามวิถีความเป็นอยู่ของคนไทยมากขึ้นก็คือโรคอ้วนครับ เนื่องด้วยปัจจัยหลาย ๆประการในการดำเนินชีวิตที่ส่งเสริมให้คนเป็นโรคนี้มากขึ้น เราจึงพบว่าโรคอ้วนเป็นปัจจัยสำคัญในการบั่นทอนสุขภาพของคนไทยเป็นอันดับต้น ๆ ซึ่งหากคุณสังเกตให้ดีแล้วจะพบว่าโรคร้ายอื่น ๆที่เป็นปัญหาและคร่าชีวิตคนไทยแทบทุกโรคก็ล้วนแล้วแต่มีต้นกำเนิดมาจากโรคอ้วนแทบทั้งสิ้นครับ โรคอ้วนเป็นภัยร้ายซ่อนเร้นที่น่ากลัวอย่างไร และเราจะมีวิธีป้องกันดูแลรักษาได้อย่างไร บทความนี้มีคำตอบครับ
โรคอ้วน: โรคร้ายที่เป็นภัยซ่อนเร้นซึ่งจะทำลายสุขภาพของคุณอย่างน่ากลัว
โรคอ้วนเป็นปัญหาใหญ่ของหลาย ๆสังคมครับ ในอดีตโรคนี้เป็นปัญหาเฉพาะกลุ่มซึ่งมักจะเป็นกันมากในกลุ่มของผู้มีฐานะทำให้คนกลุ่มนี้บริโภคอาหารที่ล้วนแล้วแต่ทำให้เกิดภาวะโรคอ้วนได้ทั้งสิ้น แต่เมื่อความเจริญเริ่มแผ่ขยายทำให้คนมีกำลังซื้อมากขึ้น โรคอ้วนจึงกลายเป็นโรคที่ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แต่เฉพาะในคนบางกลุ่มอีกต่อไปครับ ดังนั้นสำหรับนิยามของโรคอ้วนก็คือ “ภาวะที่ร่างกายสะสมไขมันเอาไว้ตามส่วนต่าง ๆของร่างกายมากกว่าปกติ” ซึ่งไขมันที่พอกพูนตามอวัยวะต่าง ๆนี้มาจากการที่ร่างกายได้รับพลังงานเกินกว่าความจำเป็นของร่างกาย พลังงานเหลือใช้เหล่านี้จึงถูกเปลี่ยนไปเป็นไขมันที่สะสมตามส่วนต่าง ๆของร่างกายนั่นเอง ซึ่งภาวะนี้จะนำมาซึ่งสาเหตุของโรคเรื้อรังต่าง ๆที่เกิดขึ้นกับร่างกายครับ
โรคอ้วนมีอยู่ 2 ชนิดดังนี้ครับ
ภาวะอ้วนลงพุง
คือภาวะที่การสะสมของไขมันอยู่ที่บริเวณช่องท้องและอวัยวะภายใน ซึ่งไขมันที่สะสมอยู่นี้เองคือสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆไม่ว่าจะเป็น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือด โรคไขมันพอกตับ ภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ ตัน แตก ส่งผลให้เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต เป็นต้น
ภาวะอ้วนทั้งตัว
คือกลุ่มผู้ป่วยที่มีไขมันทั้งร่างกายมากกว่าปกติโดยไม่ได้จำกัดว่าจะอยู่ที่ตำแหน่งใดตำแหน่งหนึ่งเท่านั้น ภาวะนี้จะส่งผลเสียมากกว่าภาวะอ้วนลงพุงเพียงอย่างเดียวเพราะมักจะเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ทุกอย่างรวมถึงโรคที่เกิดขึ้นเพราะมีน้ำหนักตัวมากเช่นโรคที่เกี่ยวกับข้อต่อและโรคทางระบบหายใจครับ
สำหรับการจะบอกว่าเรามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคอ้วนหรือเป็นโรคอ้วนหรือไม่มักจะใช้วิธีการวัดค่าดัชนีมวลกาย (BMI) ครับ ซึ่งค่าดัชนีมวลกายที่คุณจำเป็นต้องรู้ว่าคุณมีความเสี่ยงว่าจะเป็นโรคอ้วนหรือไม่มีดังนี้
– ค่า BMI 23 – 24.90 แสดงถึงน้ำหนักเกิน
– ค่า BMI 25 – 29.90 แสดงถึงโรคอ้วนระดับที่ 1
– ค่า BMI 30 ขึ้นไปแสดงถึงโรคอ้วนระดับที่ 2
สาเหตุโรคอ้วน
สาเหตุของโรคอ้วนส่วนใหญ่เกิดมาจากพฤติกรรมของตนเองครับ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดภาวะโรคอ้วนมากที่สุด พฤติกรรมที่เป็นสาเหตุของโรคอ้วนก็คือนิสัยของการรับประทานอาหารที่ไม่ดีเช่นการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง การรับประทานอาหารจุบจิบ รวมไปถึงพฤติกรรมที่ไม่ค่อยออกกำลังกายหรือออกกำลังกายน้อยลง เหล่านี้ล้วนแต่เป็นสาเหตุของโรคอ้วนทั้งสิ้นครับ ปัจจัยที่เกี่ยวกับพฤติกรรมนี้ยังรวมไปถึงลักษณะรูปแบบในการทำงานของคนในยุคนี้ที่เป็นการนั่งทำงานบนโต๊ะทำงานเป็นหลัก ปัจจัยเหล่านี้จึงยิ่งส่งเสริมให้คนมีโอกาสเป็นโรคอ้วนมากยิ่งขึ้นครับ
แต่นอกจากปัจจัยด้านพฤติกรรมก็ยังมีอีกปัจจัยที่เป็นสาเหตุของโรคอ้วนครับ ปัจจัยนั้นก็คือปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของระบบภายในของตนเองเช่นความผิดปกติของระบบต่อมไร้ท่อเช่นไทรอยด์ รวมไปถึงความผิดปกติทางด้านจิตใจ กรรมพันธุ์ อายุที่มากขึ้น รวมไปถึงผลข้างเคียงจากยาบางชนิดก็ส่งผลต่อภาวะของโรคอ้วนได้เช่นกัน
การรักษาภาวะโรคอ้วนในปัจจุบันมีวิธีการรักษาได้อย่างไรบ้าง
การรักษาโรคอ้วนในปัจจุบันมีแนวทางในการรักษา 2 แนวทางดังนี้ครับ
1. การรักษาด้วยแพทย์แผนปัจจุบัน
เป็นการรักษาที่มุ่งเน้นในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วยโดยเฉพาะพฤติกรรมด้านการรับประทานอาหารที่จำเป็นต้องได้รับการควบคุมปริมาณแคลอรีที่ร่างกายได้รับ รวมไปถึงปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักอย่างจริงจังและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่จะส่งผลต่อภาวะของโรคอ้วนครับ
นอกจากนี้แพทย์อาจจะพิจารณาใช้ยาช่วยลดน้ำหนักสำหรับผู้ป่วยที่มีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆที่ทำให้ไม่สามารถใช้วิธีการควบคุมอาหารหรือการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักที่เกินมาได้ครับแต่ก็จะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น และยังรวมไปถึงในผู้ป่วยบางรายที่อาจจำเป็นต้องเข้ารับการผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อลดน้ำหนักเช่นกัน
2. การรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติ
การรักษาด้วยวิธีธรรมชาติผู้ป่วยเองก็จำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่เสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะอ้วนเช่นการรับประทานอาหาร การออกกำลังกายและยังรวมไปถึงพฤติกรรมการใช้ชีวิตควบคู่ไปกับการใช้ยาสมุนไพรครับ ซึ่งสมุนไพรที่นิยมใช้เพื่อรักษาภาวะโรคอ้วนที่น่าสนใจมีดังนี้
– กะเพรา: มีฤทธิ์ในการขับไขมันและน้ำตาลส่วนเกินออกจากร่างกาย และมีฤทธิ์ช่วยขับน้ำดีทำให้การย่อยไขมันดีขึ้น
– กระเทียม: ในกระเทียมมีสารที่ช่วยลดคลอเลสเตอรอล ไขมันและน้ำตาลในเลือด แต่ต้องเป็นกระเทียมสดที่ไม่ผ่านความร้อนในการปรุงเท่านั้น
– พริกไทย: ความเผ็ดร้อนของพริกไทยจะไปช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญทำให้การเผาผลาญไขมันดีขึ้น
– ขิง: เป็นสมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนจึงมีสรรพคุณในการช่วยย่อยและเบิร์นไขมันได้อย่างดี นอกจากนี้ยังมีส่วนในการช่วยลดระดับคลอเลสเตอรอลในร่างกายได้เช่นกัน
– เม็ดแมงลัก: การทานเม็ดแมงลักก่อนมื้ออาหารจะทำให้เราอิ่มท้องไวขึ้น นอกจากนี้เส้นใยของเม็ดแมงลักยังช่วยในการดูดซึมไขมันที่ดีและดักจับไขมันไม่ดีกำจัดออกไปนอกร่างกายอีกด้วย
การป้องกันไม่ให้เป็นโรคอ้วน
การป้องกันโรคอ้วนที่ดีที่สุดคือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตทั้งการออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก การรับประทานอาหารให้สมดุลก็จะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะของโรคอ้วนได้ครับ นอกจากนี้ในบางกรณีที่เกิดโรคอ้วนจากภาวะของความผิดปกติต่าง ๆ การรักษาโรคจากต้นเหตุก็จะช่วยป้องกันและยับยั้งไม่ให้เกิดภาวะของโรคอ้วนอย่างได้ผลครับ
ภาวะของความอ้วนเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นเหตุของโรคเป็นหลักครับ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจึงเป็นทั้งวิธีการป้องกันและการรักษาอย่างได้ผล เพราะโรคอ้วนคือต้นตอของโรคร้ายที่น่ากลัวหลายโรคที่คุณจำเป็นต้องใส่ใจครับ ดังนั้นหากคุณไม่อยากให้ตนเองมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคร้ายอื่น ๆตามมา การลดน้ำหนัก การป้องกันไม่ให้ตนเองมีน้ำหนักเกินจนนำไปสู่ภาวะอ้วนจึงเป็นวิธีป้องกันที่ดีที่สุดเพื่อให้สุขภาพของคุณเองสมบูรณ์และแข็งแรงไปตลอดครับ
Add Comment