เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่งครับที่มีสาเหตุได้จากทั้งตามกรรมพันธุ์แต่ขณะเดียวกันก็เกิดจากการไม่ค่อยใส่ใจต่อสุขภาพของตนเองเท่าที่ควร คนจำนวนมากทราบว่าเบาหวานนั้นมีสาเหตุมาจากพฤติกรรมการการรับประทานอาหารที่ไม่ค่อยจะถูกหลัก แต่กระนั้นจำนวนคนที่ตระหนักถึงปัญหาของโรคนี้กลับมีไม่มากอย่างที่ควรจะเป็นทั้ง ๆที่เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หายขาดแต่เราสามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวเราได้ด้วยการใส่ใจพฤติกรรมของตนเองครับ สำหรับผู้ที่อยู่ในความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวาน บทความนี้มี 7 สัญญาณเตือนว่าคุณกำลังจะเป็นเบาหวานหรือไม่มาฝากครับ เพื่อจะได้รู้เท่าทันและป้องกันได้อย่างทันท่วงที
7 สัญญาณเตือนภัยที่คุณจำเป็นต้องรู้ก่อนที่เบาหวานจะมาถามหา
1. ปัสสาวะบ่อยและมีปริมาณมากในแต่ละครั้ง
สาเหตุที่ผู้ที่เป็นเบาหวานมักจะปัสสาวะบ่อยและปัสสาวะในแต่ละครั้งด้วยปริมาณที่มากกว่าปกติก็เนื่องมาจากความผิดปกติของฮอร์โมนอินซูลินซึ่งทำหน้าที่นำน้ำตาลเข้าสู่เซลล์เพื่อเป็นพลังงานให้แก่เซลล์ในการทำกิจกรรมต่าง ๆในผู้ที่เป็นเบาหวานเรามักจะพบว่าตับอ่อนที่ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนชนิดนี้ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนได้ตามปกติโดยมีทั้งไม่ผลิตออกมาเลยหรือผลิตออกมาในปริมาณที่น้อยกว่าที่ร่างกายต้องการ เมื่อฮอร์โมนอินซูลินมีไม่ตรงกับที่ร่างกายต้องการผลที่ตามมาก็คือร่างกายจะมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติ ในขณะที่ไตซึ่งมีหน้าที่กรองของเสียจากร่างกายไม่สามารถกรองเอาน้ำตาลกลับเข้าสู่เลือดได้ ดังนั้นน้ำตาลและน้ำบางส่วนจะถูกขับทิ้งออกมาเป็นปัสสาวะในปริมาณที่มากกว่าปกติ นี้คือสาเหตุที่ทำให้ผู้ที่เป็นเบาหวานปัสสาวะบ่อยและปัสสาวะในปริมาณที่มากกว่าคนทั่วไปแม้พวกเขาจะไม่ได้ดื่มน้ำมากก็ตาม
2. มักจะกระหายน้ำและต้องดื่มน้ำบ่อยเพื่อดับกระหาย
แม้จะไม่ได้เล่นกีฬาหรืออยู่กลางแจ้งที่ต้องสูญเสียเหงื่อจำนวนมากก็ตาม สำหรับผู้ที่เป็นเบาหวานก็มักจะมีอาการกระหายน้ำแทบจะตลอดเวลาและต้องดื่มน้ำบ่อยมากเพื่อดับความกระหายของตนเองครับ สาเหตุที่ทำให้ผู้เป็นเบาหวานต้องดื่มน้ำบ่อย ๆก็เนื่องมาจากที่ไตต้องขับทั้งน้ำและน้ำตาลส่วนเกินในปริมาณที่มากออกไปในรูปของปัสสาวะ เมื่อไตขับน้ำทิ้งมากไปร่างกายจึงต้องการน้ำเพื่อชดเชยน้ำที่สูญเสียไป ร่างกายจึงตอบสนองในรูปของความรู้สึกกระหายน้ำเพื่อไม่ให้ร่างกายต้องอยู่ในภาวะขาดน้ำครับ
3. รู้สึกอ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรงในการทำงาน
ในภาวะปกติร่างกายต้องการพลังงานเพื่อใช้ในการทำกิจกรรมต่าง ๆในรูปแบบของน้ำตาลซึ่งเกิดจากกระบวนการย่อยอาหารและนำเข้าสู่เซลล์ด้วยฮอร์โมนอินซูลินดังที่กล่าวมาแล้ว แต่เมื่อการทำงานของฮอร์โมนอินซูลินเกิดความผิดปกติแม้ในเลือดจะมีปริมาณน้ำตาลที่มากมายมหาศาลแต่เซลล์กลับไม่สามารถนำน้ำตาลที่ล่องลอยอยู่ในกระแสเลือดไปใช้เป็นพลังงานให้เพียงพอต่อความต้องการของเซลล์ ผลที่ตามมาก็คือร่างกายจะรู้สึกเหนื่อยล้า อ่อนเพลียไม่มีเรี่ยวแรงในการทำงานเพราอาการขาดพลังงานของเซลล์ครับ และสัญญาณที่ตามมาอีกประการหนึ่งก็คือผู้ที่เป็นเบาหวานจะหิวบ่อยขึ้นเพราะร่างกายไม่มีพลังงานจากการที่นำน้ำตาลในเลือดไปใช้ไม่ได้นั่นเอง
4. น้ำหนักลดผิดปกติ
อาการน้ำหนักลดผิดปกติสามารถเกิดขึ้นได้กับโรคอื่น ๆเช่นกันไม่เฉพาะแต่โรคเบาหวานเท่านั้นครับ แต่สำหรับผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน สาเหตุที่น้ำหนักลดผิดปกติมีสาเหตุต่อเนื่องมาจากที่ร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลที่อยู่ในเลือดมาใช้เป็นพลังงานให้แก่ร่างกายได้ เมื่อปริมาณพลังงานที่ร่างกายต้องการไม่เพียงพอร่างกายก็จำเป็นต้องไปหาแหล่งพลังงานสำรองในรูปอื่นที่ร่างกายเก็บสะสมไว้ซึ่งก็คือไขมันครับ ดังนั้นในผู้ที่เป็นเบาหวานจะมีอาการผอมแห้งแรงน้อยอย่างผิดหูผิดตาโดยที่ไม่ได้เกิดจากการควบคุมอาหารหรือน้ำหนักมาก่อนซึ่งนั่นไม่ใช่ผลดีต่อผู้ที่เป็นเบาหวานเลย
5. บาดแผลหรือรอยช้ำหายช้ากว่าปกติ
การที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติจะไปขัดขวางการรักษาตัวเองเมื่อเกิดบาดแผลหรือรอยฟกช้ำจากการบาดเจ็บต่าง ๆ ครับ เพราะจะไปขัดขวางการทำงานของหลอดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนไม่ดีซึ่งจะส่งผลต่อกระบวนการซ่อมแซมร่างกายในที่สุด สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือการที่มีน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติเมื่อเกิดบาดแผลจะทำให้บาดแผลมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่าปกติเพราะน้ำตาลที่สูงเกินในเลือดจะเป็นแหล่งอาหารชั้นยอดแก่เหล่าแบคทีเรียที่อยู่รอบ ๆผิวหนังซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยต้องถูกตัดอวัยวะทิ้งจากการที่แผลสมานตัวช้าและเกิดเป็นเนื้อตายในที่สุด
6. สายตาพร่ามัว มองไม่ชัด
ความผิดปกติของสายตาอาจเกิดได้จากหลายสาเหตุครับ แต่สำหรับผู้ที่มีอาการของโรคเบาหวาน อาการพร่ามัวหรือมองสิ่งต่าง ๆไม่ชัดนั้นมีสาเหตุมาจากการคั่งของน้ำตาลในเลนส์ตาจนทำให้จอตาเกิดความผิดปกติ ที่เราเรียกกันว่า “เบาหวานขึ้นตา” ซึ่งหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รีบรักษาหรือไม่ดูแลตัวเองท้ายที่สุดก็มีโอกาสสูญเสียการมองเห็นไปอย่างถาวรครับ
7. เกิดความผิดปกติขึ้นที่ผิวหนัง
ความผิดปกติที่เกิดขึ้นได้บ่อยในผู้ที่มีอาการหรือความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานก็คืออาการที่เรียกว่า
(Acanthosis Nigricans) ซึ่งเกิดจากเซลล์ผิวหนังแบ่งตัวผิดปกติ โดยมีลักษณะเป็นปื้นดำเหมือนขี้ไคลเกิดขึ้นรอบ ๆ บริเวณลำคอหรือรอยพับต่าง ๆในร่างกาย อาการเหล่านี้บ่งบอกว่าคุณมีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงกว่าปกติและมีความเสี่ยงที่จะเป็นเบาหวานได้ครับ
ทั้งหมดนี้ก็คือสัญญาณผิดปกติที่ร่างกายส่งสัญญาณเตือนว่าคุณกำลังจะเป็นเบาหวานหากยังคงไม่ได้ดูแลสุขภาพโดยเฉพาะในเรื่องของการรับประทานอาหารครับ โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรังที่บั่นทอนคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยเป็นอย่างมากครับแต่ก็ใช่ว่าโรคนี้จะไม่มีวิธีป้องกัน เพียงแค่คุณใส่ใจดูแลสุขภาพสักนิดและหลีกเลี่ยงทุกปัจจัยเสี่ยงที่จะก่อโรคเบาหวาน เพียงเท่านี้คุณก็จะมีสุขภาพที่ดีและห่างไกลจากโรคเบาหวานได้อย่างแน่นอน
Add Comment