โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นโรคมะเร็งที่พบได้บ่อยเป็นอันดับที่ 3 ในประเทศไทยครับ แม้ว่าจากสถิติเราจะพบว่าผู้ชายมีโอกาสเสียชีวิตจากโรคนี้ได้มากกว่าผู้หญิง แต่กระนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าผู้ชายจะมีความเสี่ยงของโรคที่มากกว่าผู้หยิงเสมอไปครับ เช่นเดียวกับโรคมะเร็งหลาย ๆ ชนิดที่หากเราตรวจพบเสียแต่เนิ่น ๆ โอกาสที่การรักษาให้หายขาดก็ย่อมมีสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งในความเป็นจริงผู้ป่วยหลายรายมักมาพบแพทย์เพราะเกิดความผิดปกติบางอย่างขึ้นกับตนเองเสียแล้ว ซึ่งกว่าที่จะรู้ตัวว่าตนเองเป็นโรคนี้เชื้อมะเร็งก็ลุกลามไปมากจนทำให้การตอบสนองต่อการรักษาไม่ดีอย่างที่ควรจะเป็นครับ
ในบทความนี้เราจะพาคุณผู้อ่านไปทำความรู้จักกับวิธีการสังเกตตนเองเบื้องต้นรวมถึงปัจจัยเสี่ยงและวิธีการดูแลตนเองเพื่อให้คุณห่างไกลจากมะเร็งร้ายชนิดนี้
ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
สำหรับปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่เราพบปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ดังต่อไปนี้
1. ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเคยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่จะมีโอกาสป่วยเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้มากกว่าผู้ที่ไม่มีประวัติว่าสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
2. ผู้ที่ป่วยด้วยโรคลำไส้อักเสบชนิด Crohn’s Disease จำเป็นที่จะต้องตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่เร็วกว่าเกณฑ์ปกติ
3. การรับประทานอาหารมัน ๆ และเนื้อแดงมากเกินไปก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
4. การสูบบุหรี่หรือดื่มสุราจัดก็เป็นอีกหนึ่งความเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้เช่นกัน
5. การรับประทานผักหรือผลไม้น้อยเกินไปทำให้มีความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะท้องผูกอยู่เป็นประจำและเพิ่มโอกาสของการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
6. พฤติกรรมการใช้ชีวิตและภาวะบางอย่างที่เกิดขึ้นกับร่างกายเช่นออกกำลังกายน้อยและผู้ที่มีภาวะโรคอ้วนก็เป็นอีกกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
6 สัญญาณเตือนอาการมะเร็งลำไส้ใหญ่
1. ท้องผูกบ่อยจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน
แม้ว่าอาการท้องผูกจะไม่ใช่ข้อสังเกตแรกสุดที่จะบอกว่าคุณกำลังจะเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่แต่ผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่หลายรายก็มักจะภาวะท้องผูกอยู่เป็นประจำจนกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันไปแล้ว ดังนั้นผู้ที่พบว่าตนเองมีปัญหาท้องผูกบ่อยหรือท้องผูกเรื้อรังจึงต้องรีบหาสาเหตุและทำการแก้ไขปัญหานี้เช่นทานผักผลไม้ให้มากขึ้น ดื่มน้ำมากขึ้นหรือออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ อย่าปล่อยให้ตนเองท้องผูกเรื้อรังเพราะมีโอกาสที่อาการท้องผูกจะพัฒนาไปสู่มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
2. อุจจาระลีบเป็นลำเล็ก ๆ
โดยทั่วไปลักษณะทางกายวิภาคของลำไส้ใหญ่จะเป็นทรงกระบอกที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 6 เซนติเมตร ดังนั้นตามปกติอุจจาระจึงต้องมีลักษณะเป็นทรงกระบอกที่มีขนาดใหญ่พอสมควรครับ ในทางกลับกันหากอุจจาระมีลักษณะลีบเล็กย่อมแสดงถึงการมีบางสิ่งบางอย่างมาอุดตันที่บริเวณลำไส้ใหญ่ จึงส่งผลให้อุจจาระที่เคลื่อนผ่านบริเวณดังกล่าวถูกบีบจนเล็กลง สิ่งที่อุดตันนี้สามารถเป็นได้ทั้งเนื้องอก ก้อนเนื้อหรือติ่งเนื้อรวมถึงตัวของก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้ ดังนั้นหากพบว่าอุจจาระของตนเองเป็นลำเล็กลีบ ๆเป็นประจำโดยไม่มีทีท่าว่าจะกลับคืนสู่ลักษณะปกติก็ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยหาสาเหตุต่อไป
3. อุจจาระมีเลือดสดหรือเลือดสีแดงเข้มปนออกมาด้วย
อุจจาระที่มีเลือดสด ๆปนออกมาด้วยอาจเป็นอาการแสดงถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นที่บริเวณลำไส้ใหญ่ได้หลายสาเหตุครับ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือการที่อุจจาระที่แข็งไปเบียดกับติ่งเนื้อหรือก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่จนเกิดเป็นแผลทำให้มีเลือดออกปนมากับอุจจาระซึ่งก็ควรจะต้องไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
4. ท้องเสียสลับกับท้องผูก
อาการนี้อาจเป็นได้ทั้งอาการของโรคลำไส้แปรปรวนและอาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ครับ หากคุณมีอาการดังกล่าวเป็นประจำโดยไม่ได้เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคหรือสาเหตุจากอาหารโดยตรงก็ควรที่จะไปพบแพทย์เช่นกัน
5. น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่ใช่ความตั้งใจที่จะลดน้ำหนัก
หากคุณมีอาการอื่น ๆทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วร่วมกับการที่น้ำหนักตัวลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุนี่คือสัญญาณเตือนว่าคุณมีโอกาสเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่และให้รีบไปพบแพทย์โดยเร็วที่สุดครับ
6. อ่อนเพลียโดยไม่มีสาเหตุ
หากมีเลือดออกในลำไส้ใหญ่มากผิดปกติก็อาจส่งผลให้ร่างกายรู้สึกอ่อนเพลียและอ่อนแรงมากยิ่งขึ้น เกิดภาวะซีด โลหิตจางและอาจนำไปสู่ภาวะช็อกได้ในที่สุดหากเลือดที่ออกมานั้นมีปริมาณที่มากเกินไป
10 สมุนไพรที่ช่วยรักษา บำรุงและฟื้นฟูอาการของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
1. ขมิ้น
สาร Curoumin ในขมิ้นมีฤทธิ์ช่วยต้านอนุมูลอิสระและช่วยฆ่าเซลล์มะเร็งได้หลายชนิดครับ ซึ่งในงานวิจัยพบว่าขมิ้นช่วยต่อต้านเซลล์มะเร็งทั้งมะเร็งลำไส้เล็ก มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งกระเพาะอาหารนอกจากนี้ก็ยังมีฤทธิ์ต่อต้านแบคทีเรียและเชื้อราได้เช่นกัน
2. ว่านหางจระเข้
สาร Aloe-Emodin ในว่านหางจระเข้มีฤทธิ์กระตุ้น Macrophage ให้ออกมาทำหน้าที่กำจัดเซลล์มะเร็งรวมถึงยังมีสารที่ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกายให้สามารถต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้
3. ลูกฟิก
ใยอาหารที่สูงมากของลูกฟิกมีสรรพคุณเป็นยาระบายอ่อน ๆที่ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูกและโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างดีครับ
4. คึ่นฉ่ายฝรั่ง
คึ่นฉ่ายฝรั่งหรือเซเลอรี่มีสารสำคัญที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระอย่างฟีนอลิก ฟลาโวนอยด์และไฟโตสเตอรอลจึงช่วยยับยั้งการเกิดโรคมะเร็งได้หลายชนิด และยังช่วยปกป้องเซลล์ภายในลำไส้ไม่ให้ถูกทำลายจึงช่วยลดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
5. กระเจี๊ยบเขียว
สารเพกทินและกัมในกระเจี๊ยบเขียวช่วยเคลือบแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้จึงช่วยลดอาการของผู้ที่เป็นโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบรวมถึงลดความเสี่ยงของการเป็นโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่
6. ผักชีลาว
ผักชีลาวมีสรรพคุณแก้อาการท้องผูก ช่วยยับยั้งและชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็งได้อย่างดี
7. ขี้เหล็ก
ผักพื้นบ้านชนิดนี้ของไทยมีสรรพคุณในการยับยั้งและชะลอการขยายตัวของเซลล์มะเร็งได้ดีอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งส่วนของขี้เหล็กที่มีสรรพคุณดังกล่าวอยู่ที่ส่วนของดอกขี้เหล็กนั่นเอง
8. หญ้าปักกิ่ง
สารสำคัญที่ชื่อไกลโคสฟิงโกไลปิดส์ในหญ้าปักกิ่งมีฤทธิ์ช่วยยับยั้งทั้งเซลล์มะเร็งเต้านมและเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่และยังช่วยปรับสมดุลของร่างกาย ช่วยต้านการอักเสบและต่อต้านอนุมูลอิสระทั้งยังช่วยลดความรุนแรงในการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งได้
9. แอปเปิล
สารต้านอนุมูลอิสระในแอปเปิลอย่างโพลีฟีนอลและฟลาโวนอยด์มีส่วนช่วยปรับการทำงานของลำไส้รวมถึงแอปเปิลยังอุดมไปด้วยเส้นใยจึงช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นมะเร็งลำไส้ได้เช่นกัน
10. ฟ้าทะลายโจร
สาร Andrographolide ในฟ้าทะลายโจรมีคุณสมบัติช่วยยับยั้งเซลล์มะเร็งได้หลายชนิด นอกจากนี้ฟ้าทะลายโจรยังช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันทำให้ทำงานได้อย่างเป็นปกติอีกด้วย
แม้ว่าโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่จะเป็นหนึ่งในโรคร้ายที่คร่าชีวิตของคนไทยไปไม่น้อย แต่กระนั้นหากครุณใส่ใจดูแลสุขภาพร่างกายของตนเองอยู่เสมอทั้งการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสม หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆรวมถึงการตรวจสุขภาพประจำปีเพื่อคัดกรองความเสี่ยงเพียงเท่านี้มะเร็งร้ายอย่างมะเร็งลำไส้ใหญ่ก็หมดโอกาสที่จะมาทำอันตรายต่อคุณได้แล้ว นี่ก็คือหลักการสำคัญที่สุดที่จะทำให้คุณห่างไกลจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างถาวรครับ
Add Comment