Healthykare ยินดีต้อนรับ
เวลาทำการ 8.00-18.00 จันทร์ - ศุกร์
Close
ถ.ประเสริฐมนูกิจ แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ 10230 92 หมู่บ้านพรีเมี่ยมเพลส ซ.ประเสริฐมนูกิจ 29
เวลาทำการ 8.00-18.00 จันทร์ - ศุกร์

โรคตับเกิดจากอะไร ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็งตับ ป้องกันได้

โรคตับเกิดจากอะไร  ไขมันพอกตับ ตับอักเสบ ตับแข็ง มะเร็งตับ ป้องกันได้

            ตับเป็นอวัยวะหนึ่งที่สำคัญต่อการดำรงชีวิตครับ เพราะหน้าที่ที่สำคัญอันดับ 1 ของตัวคือการช่วยขจัดสารพิษต่าง ๆที่เข้ามาในร่างกายและกำจัดออกไปปผ่านทางระบบขับถ่าย นอกจากนี้หน้าที่รองของตับก็ยังมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตเช่นกันครับไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ในการผลิตน้ำดีช่วยย่อยไขมันและยังเป็นแหล่งพลังงานสำรองเพื่อให้ร่างกายสามารถดึงไปใช้ได้ในยามที่ร่างกายต้องการพลังงานอย่างเร่งด่วนครับ ดังนั้นเมื่อเกิดความผิดปกติขึ้นกับตับไม่ว่าจะเป็นผลจากอะไรก็ตาม ร่างกายย่อมเกิดการทำงานที่ผิดปกติและเกิดผลเสียต่าง ๆตามมาครับและผลเสียที่ร้ายแรงจากสาเหตุที่ตับไม่สามารถทำงานได้อีกต่อไปหรือเกิดภาวะตับวายย่อมหมายถึงผู้ป่วยมีโอกาสที่จะเสียชีวิตได้เช่นกัน โรคตับคืออะไร มีสาเหตุจากอะไรและมีวิธีการป้องกันรักาอย่างไร บทความนี้มีคำแนะนำมาฝากครับ

โรคตับคืออะไร และมีความร้ายแรงอย่างไร

            คำว่าโรคตับเป็นคำพูดที่มีความหมายกว้าง ๆ ครับ ซึ่งเป็นการรวมหลายโรคที่เกิดขึ้นกับตับเข้าไว้ด้วยกัน แต่กระนั้นแม้โรคที่เกี่ยวกับตับอาจจะมีความผิดปกติหลายรูปแบบแต่ท้ายที่สุดหากไม่ได้รับการดูแลรักษาอย่างถูกวิธีก็มีโอกาสที่จากโรคที่ดูไม่รุนแรงจะพัฒนากลายไปเป็นโรคร้ายแรงที่สุดที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับตับอย่างมะเร็งตับครับ โรคที่มีโอกาสเกิดขึ้นกับตับมีดังต่อไปนี้

ไขมันพอกตับ

เกิดจากการที่มีไขมันไปสะสมอยู่ในเนื้อตับในปริมาณมาก โดยภาวะไขมันพอกตับนี้มักจะสัมพันธ์กับผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำและผู้ที่มีภาวะไขมันในเลือดสูง โรคอ้วนรวมไปถึงโรคเบาหวานครับ ภาวะไขมันพอกตับนี้แม้จะไม่มีอาการที่รุนแรงแต่หากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแลรักษาก็มีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่ภาวะตับอักเสบ ตับแข็งและกลายเป็นมะเร็งตับได้ในที่สุดครับ

ตับอักเสบ

ภาวะตับอักเสบนี้มีสาเหตุอยู่ 2 ประการใหญ่ ๆคือ ภาวะตับอักเสบจากการถูกแอลกอฮอล์ทำลายเนื้อตับจนเกิดการอักเสบ และภาวะตับอักเสบจากสาเหตุของการติดเชื้อไวรัสโดยเฉพาะเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดตับอักเสบชนิด A และ B ครับภาวะตับอักเสบนี้เป็นภาวะแรกที่ผู้ป่วยจะรู้สึกถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกาย และมีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่ภาวะตับแข็งหรือมะเร็งตับได้ครับ

ตับแข็ง

เกิดจากการอักเสบเรื้อรังของเนื้อตับจากสาเหตุต่าง ๆ และยังไม่ได้รับการรักษาดูแลอย่างถูกวิธีครับ เมื่อตับเกิดการอักเสบอย่างต่อเนื่องตับจะสร้างพังผืดขึ้นมาส่งผลให้เนื้อตับถูกทำลายมากขึ้น ตับเริ่มสูญเสียหน้าที่ในการทำงานครับ ภาวะตับแข็งนี้มีโอกาสที่จะพัฒนาไปสู่การเป็นมะเร็งตับได้ในที่สุด

มะเร็งตับ

โรคนี้เป็นโรคที่เป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของคนไทยครับ เกิดขึ้นจากความผิดปกติของเซลล์ตับที่พัฒนาผิดปกติจนกลายเป็นมะเร็งตับ หรืออาจเกิดจากโรคต่าง ๆที่เกิดขึ้นกับตับและพัฒนาจนกลายเป็นมะเร็งตับในที่สุดครับ

สาเหตุของโรคตับเกิดจากอะไร

สาเหตุของโรคตับเกิดจากสาเหตุหลายอย่างครับ โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นกับตับมีดังนี้

            – มีภาวะไขมันในเลือดสูง โรคอ้วนและโรคเบาหวาน

            – ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน

            – ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบจากการไม่ใส่ใจต่อสุขลักษณะที่ถูกต้องเช่นการไม่ใช้ช้อนกลางในการ รับประทานอาหาร การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่มีการป้องกัน การใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน

            – ใช้ยาพร่ำเพรื่อหรือใช้ยาสมุนไพรบางชนิดโดยขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง

            – ผลข้างเคียงจากการใช้ยาเพื่อรักษาโรคอื่น ๆที่ส่งผลมาที่ตับ

            – ติดเชื้อโรคอื่น ๆที่ไม่ใช่เชื้อไวรัสเช่นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อราหรือเป็นพยาธิ

            – โรคมะเร็งที่แพร่กระจายมาจากอวัยวะอื่น

การรักษาโรคตับ

การรักษาโรคตับมีอยู่ด้วยกัน 2 แนวทางครับ โดยแนวทางทั้ง 2 มีดังนี้

1. การรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน

            ในทางการแพทย์แผนปัจจุบันแพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยหาความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับตับว่ามีสาเหตุมาจากสิ่งใด หากเป็นความผิดปกติที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมแพทย์จะแนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมที่มีความเสี่ยงนั้นครับเช่นการเลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม การหยุดใช้ยาที่ไม่จำเป็น การดูแลสุขลักษณะของตนเองเมื่อผู้ป่วยปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตนเองก็มีแนวโน้มที่โรคตับที่เป็นอยู่จะดีขึ้น

            ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาใช้ยาในการรักษาร่วมด้วยเช่นยาลดไขมันในเลือด ยาปฏิชีวนะเพื่อทำลายเชื้อโรค ยาต้านไวรัสเพื่อรักษาโรคไวรัสตับอักเสบ

            แต่ในบางกรณีแพทย์อาจพิจารณาการรักษาในแนวทางอื่นครับหากพบว่าโรคตับที่เป็นอยู่นั้นรุนแรงเกินกว่าแค่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมหรือการใช้ยาในการรักษา การรักษาที่ว่าเช่นการผ่าตัด การรักษาด้วยรังสี การทำคีโมไปจนถึงการปลูกถ่ายตับหากเกิดกรณีที่ตับวายครับ

2. การรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติ

            การรักษาโรคตับด้วยวิธีทางธรรมชาติมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ป่วยปรับสมดุลของร่างกายด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเสี่ยงของตนเองร่วมกับการใช้สมุนไพรที่มีสรรพคุณในการบำรุงตับมาช่วยครับ ซึ่งสมุนไพรที่มีฤทธิ์บำรุงตับที่น่าสนใจมีดังนี้

            – ลิ้นจี่: ลิ้นจี่มีฤทธิ์อุ่นจึงช่วยบรรเทาอาการตับอักเสบและช่วยบำรุงตับได้ง

            – เกรปฟรุ๊ต: ในเกรปฟรุ๊ตมีสารต้านอนุมูลอิสระที่มีฤทธิ์ช่วยล้างสารพิษในตับ และช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งตับได้

            – อะโวคาโด: มีฤทธิ์ช่วยล้างพิษที่สะสมในตับและช่วยลดโอกาสเกิดโลหะหนักสะสมในตับ

            – ขมิ้นชัน: มีฤทธิ์ในการขับสารพิษที่สะสมอยู่ในตับและช่วยบำรุงและฟื้นฟูตับ

            – กระเทียม: จะไปกระตุ้นให้ตับหลั่งเอนไซม์ที่ช่วยขับสารพิษ และในกระเทียมยังมี สารอัลลิซิน และซีลีเนียมซึ่งทำหน้าที่ช่วยตับในการขับสารพิษ

            – มะขามป้อม: วิตามินซีในมะขามป้อมจะช่วยรักษาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ B นอกจากนี้ยัง ป้องกันการสะสมของโลหะหนักในตับและลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งตับ

            – เก๋ากี้: ช่วยป้องกันภาวะไขมันพอกตับและช่วยทำให้ตับทำงานได้ดีขึ้น

การป้องกันไม่ให้ตนเองมี่ความเสี่ยงที่จะเป็นโรคตับ

            คงต้องบอกว่าวิธีการที่ดีที่สุดที่จะป้องกันไม่คุณเป็นโรคตับก็คือการเลิกพฤติกรรมเสี่ยงที่จะส่งผลเสียต่อตับครับ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดภาวะไขมันในเลือดสูง ภาวะของโรคเบาหวาน โรคอ้วนที่จะส่งผลให้เกิดไขมันพอกตับ การงดเว้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รักษาสุขอนามัยส่วนบุคคลโดยไม่ใช้ของร่วมกับบุคคลอื่นหรือใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารร่วมกับผู้อื่น การฉีดวัคซีนป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบ รวมไปถึงการตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอเพื่อจะได้ทำการรักษาอย่างทันท่วงทีหากมีความผิดปกติเกิดขึ้นในตับของตนเองครับ

            แม้โรคของตับจะน่ากลัว แต่หากเราใส่ใจต่อสุขภาพและดูแลสุขอนามัยของตนเองอย่างดีโดยละเลิกพฤติกรรมเสี่ยงที่จะทำให้ตัวเองเป็นโรคตับ โรคตับนี้ก็จะไม่มีโอกาสเกิดขึ้นกับคุณครับ นอกจากนี้การตรวจสุขภาพประจำปีอย่างสม่ำเสมอก็จะช่วยให้เราได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วหากเราพบความผิดปกติเสียก่อนครับ พึงระลึกไว้เสมอว่าแม้วิทยาการทางการแพทย์จะก้าวหน้ามากพอที่เราจะต่อสู้กับโรคร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่การป้องกันไม่ให้เป็นโรคต่างหากคือวิธีการที่ดีที่สุดในการปกป้องตัวคุณเองให้ห่างไกลจากโรคร้ายครับ

Add Comment